แชร์ประสบการณ์งาน Meet up ออฟไลน์ครั้งแรก .. กับ QA Meet Up 2022

Sutthinai'S
2 min readSep 25, 2022

--

ก่อนจะเข้าเรื่องอยากขอขอบคุณทาง Doppio TECH ที่ได้เป็นแกนหลักจัดงาน เอื้อเฟือสถานที่ น้ำ ขนม และเครื่องดื่มสีชาเขียว ( เอิ๊ก ๆ ) มา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ :)

เท่าที่ทราบนี่เป็นการจัดงาน QA Meet Up ครั้งที่ 6 และเป็นครั้งที่มีจำนวนคนเข้าร่วมเยอะที่สุดเท่าที่เคยจัดมา ( เกือบ 90 คน ที่มาแบบออฟไลน์ ) ทำให้รู้เลยว่าตอนนี้งานด้าน QA นั้นบูมแค่ไหน โดยในงานได้พี่นัท CEO and Founder ของ Doppio Tech เป็นผู้ดำเนินหลักการ Meet Up ในครั้งนี้ ซึ่งมี Agenda คร่าว ๆ ดังนี้

  1. การเปลี่ยนสายงาน จากคนไม่ได้มีพื้นฐาน IT
  2. Career Path
  3. Demo Project Automate ของทาง Doppio

การเปลี่ยนสายงาน จากคนไม่ได้มีพื้นฐาน IT

ใน session แรกจะเป็นการแชร์ประสบการณ์จากพี่ ๆ น้อง ๆ ในบริษัท Doppio Tech ที่สามารถย้ายสายงานจากเข้ามาสู่ QA โดยไม่ได้มีพื้นฐานทางด้าน IT มาก่อนเลย โดยมีหลากหลายสายงานทั้งด้านภาษา วิทย์ และพีคที่สุดคือมีพี่คนนึ่ง ย้ายสายมาจากด้านการบิน แม้แต่เปิด google sheet ก็ไม่รู้จัก !! ต้องจด Log ในสมุดเอา ( ยอมใจในความนักสู้ม๊ากก )

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังพยายามย้ายสายงานจากด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับ IT มาก่อนเลย คิดว่า session นี้จะเป็นตัวปลุกไฟในตัวได้ดีทีเดียว เพราะที่ Doppio ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้ไม่จบตรงสายหากเรามีใจเรียนรู้ ทรหด ถึก ก็สามารถก้าวเข้ามาทำงาน และขึ้นเป็น Lead ได้เหมือนกัน ( สู้โว้ยย !! )

Career Path และทำอย่างไรไม่ให้ตัน ในสายอาชีพ QA

พี่นัทได้แบ่งสาย QA เป็น 2 สาย หลัก ๆ คือ Test functional ( Manual ) กับ Test automation ซึ่ง 2 สายนี้มีการเติบโตที่แตกต่างกันตามแต่ละบริษัท ไม่ได้เจาะจงว่าจำเป็นต้องทำงานกี่ปี ๆ จึงจะต้องขึ้นเป็น Senior หรือ Lead

แต่คีย์ที่พี่นัทได้เน้นย้ำเรื่องของของ Market Value ที่เราสามารถทำได้ กับฐานเงินเดือนที่เราได้รับ

เพราะเมื่อทำงานไปสักระยะการย้ายบริษัท อาจด้วยเรื่องของตัวเงิน หรือปัจจัยอื่น ๆ เป็นเรื่องปกติที่ต้องพบเจอ ข้อควรระวังในการย้าย เราต้องคอยเช็คตัวเองเสมอว่าเราสามารถทำคุณค่าให้แก่บริษัทได้เท่ากับตัวเงินที่เราได้รับหรือไม่ ?

พี่นัทได้เสริมว่า ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ที่ทุกบริษัทต้องการกระโดดเข้าสู่โลกออนไลน์ทำให้ตลาดตอนนี้เรียกได้ว่าบ้าบอสุด ๆ เพราะเมื่อบริษัททั้งหลาย ต้องการเข้าสู่โลกออนไลน์ ผลที่ตามมาคือตลาดต้องการตัว Dev และ QA มากจนขนาดยอม Offer ตัวเงินที่สูงกว่าปกติให้

ซึ่งหากเรากระโดดจากจุดที่เราอยู่เพื่อไปรับตัวเงินที่สูงขึ้น ทั้งที่คุณค่าที่เรามอบให้แก่บริษัทยังไม่ถึงขั้น ไม่นานเราจะพบว่าเราจะ ‘ติด’ เพดานเงิน ไม่สามารถไปไหนได้อีก เพราะทำไมบริษัทต้องยอมจ้างคนที่มี่สกิลเท่าเด็กจบใหม่ ในอัตราเงินเดือนที่สูงกว่า 2–3 เท่ากันล่ะ

ข้อสรุปคือ .. การย้ายงานเพื่อรับเงินเดือนที่มากขึ้นนั้น ไม่ผิดแต่อย่างใด แต่หากรู้ตัวแล้วว่าสกิลที่มียังไม่ถึงขั้น ก็ให้รีบอัพสกิลเพื่อให้สกิลตัวเองทันเงินเดือนที่ได้รับก็เพียงพอ ไม่ต้องกลัวการย้ายงาน หรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด

Demo Project Automation ของทาง Doppio

Slide ประกอบใน session Project automation by Doppio

เป็น session ที่ตื่นตาตื่นใจและปลุกไฟเราอย่างที่สุดด .. อาจเพราะเพิ่งเริ่มศึกษาตัว automation ทำให้ยังไม่รู้ขีดจำกัดว่าสามารถทำอะไรได้มาก-น้อยแค่ไหน การได้มาเห็น มาฟัง ตัว demo นี้จึงเป็นการเปิดโลกมากจริง ๆ

โดยตัว Demo ที่ทางพี่โอ CTO ของ Doppio Tech ได้นำมาให้ดูมี 4 project คือ
- วิธีการนำ OTP ที่ได้จากโทรศัพท์มา Test แบบ Automate
- ไอเดียการ Test เมื่อเจอการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ( KYC )
- การ Farm Mobile เพื่อรัน Automate
- Dashboard Automate เพื่อเช็คประสิทธิการทำงานของ Script ที่เราเขียนไป

ส่วนรายละเอียดของแต่ละ Project ว่าสามารถทำงานอย่างไรบ้างนั้น ขอละไว้เนื่องจากบางหัวข้อสกิลเรายังไม่ถึง กลัวว่าจะอธิบายไปแบบผิด ๆ ได้ หากสกิลถึงคงได้กลับมาเขียนขยายความเพิ่มเติมในอนาคต ( Sorryy .. )

สิ่งที่ประทับใจในงาน Meet Up ครั้งนี้

หากจะให้เขียนสิ่งที่ประทับใจทั้งหมด คงต้องยาว และคงจะดูเป็นการอวยเกินไปมากแน่ เพราะประทับใจในหลายสิ่งอย่างมากจริง ๆ แต่เรื่องที่จะไม่พูดไม่ได้เลยคือ การใส่ใจในการตอบคำถามของพี่นัท ที่รู้สึกได้เลยว่าให้ความสำคัญในคำตอบที่บอกมากจริง ๆ .. รวมถึง Mind set และสกิลอื่น ๆ ที่จำเป็นหากอยากเป็น QA ที่เป็น A-player เช่น

การมองในมุมของเจ้าของ

เมื่อมีการขัดแย้งระหว่างการการดำเนินงาน โดยที่เรา QA รู้ว่า Product ตัวนี้ยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร หากปล่อยไปตอนนี้อาจมีปัญหาได้ แต่เจ้าของก็อยากเร่งให้ปล่อยให้ไวที่สุด เราลองสวมหมวกเป็นเจ้าของ และลองไปเจรจาดู

สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการแจกแจงออกมาเป็นตัวเงินให้ได้ เพราะ Goal ของการสร้าง Product อย่างไรก็เพื่อทำเงินให้ได้ หากเรา QA สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าการปล่อย Bug นี้ไปจะก่อความเสียหายเป็นตัวเงินมากแค่ไหน ก็มีโอกาสสูงขึ้นมาก ที่เจ้าของจะเก็บไปพิจารณาการเร่งปล่อยตัว Product นี้ใหม่อีกครั้ง

การมอง Goal ร่วมกันระหว่างทีม Dev และ QA

ให้ของขึ้น Production ให้เร็วที่สุด ซึ่งต้องดีพอ แต่ไม่ต้องดีที่สุด

เป็นประโยคที่พี่นัทพูดถึงเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างทีม Dev และ QA ว่าควรมี Goal ร่วมกันคือการขึ้นของใน Production ให้เร็วที่สุด ในความดีพอ แต่ไม่ต้องดีที่สุด เพราะแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พบ Bug เลยในตัวระบบ

ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้จำเป็นต้องมีการสื่อสารระหว่างทีม Dev และทีม QA มาก ในการพัฒนาระบบ ทั้งการเขียน Test Case ให้ครอบคลุมของฝั่ง QA และนำไปประสานงาน ( พี่นัทเรียกว่าเฉลยข้อสอบ ) ว่าเราจะ Test ตามนี้นะ หากเป็นไปได้่ให้เขี่ยน Unit test มาเพื่อดัก Case เหล่านี้ได้เลย

ซึ่งจะทำให้ลดการตีกลับระหว่าง Flow การทำงานทำให้ทั้ง Dev และ QA มีเวลาเพิ่มขึ้นไปทำงานในส่วนอื่น ๆ ได้นั้นเอง

เป็น Lead แบบที่เราเมื่อตอนเด็กอยากมี

Good lead build another lead คือคำจำกัดความที่พี่นัทใช้สอนน้อง ๆ ในบริษัทเมื่อสร้างทีม หรือเป็น Lead แบบที่ตัวเราเมื่อตอนเด็กอยากมี เพียงแค่สองประโยคนี้ก็คงเป็นแนวทางพอให้เราเป็น Lead ที่ดีได้แล้ว โดยไม่ต้องขยายความให้มากมาย

อย่างที่บอกว่าความประทับใจในงาน Meet Up นี้มากจริง ๆ หากจะเขียนหมด คงกลายเป็นบล็อกอวยเป็นแน่ 555

ดังนั้นบล็อกนี้คงจบไว้เพียงเท่านี้ หากผู้ที่ได้เข้าร่วม Meet up ได้ผ่านมาอ่านแล้วพบว่ามีข้อผิดพลาดประการใดที่ทำให้สื่อความคลาดเคลื่อนไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ และสามารถ comment หรือหลังไมค์มาเพื่อขอให้แก้ไขได้เสมอครับ :)

สุดท้ายก็ขอขอบคุณทาง Doppio อีกครั้งที่ได้จัดงานดี ๆ แบบนี้ขึ้นครับ

--

--